ดวงตาเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญ ทำให้เรามองเห็นและเรียนรู้สิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ ถ้าต้องสูญเสียดวงตา
ไปทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้อีกคงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อย
ให้ความสำคัญกับการดูแลดวงตา ลองถามตัวเองว่าคุณตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เคยตรวจสุขภาพ
ของดวงตาหรือไม่ เมื่ออายุ 40 ปี ขึ้นไป ความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหิน พบได้ประมาณร้อยละ 1
หมายความว่าในทุก 100 คนทีมีอายุ 40 ปีขึ้นไปมีโอกาสที่จะตรวจพบโรคต้อหิน 1 คน ดังนั้นทุกคน
ควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจดูความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหิน ซึ่งโรคต้อหิน เป็นสาเหตุของตาบอด
เป็นอันดับ 2 รองจากต้อกระจก แต่โรคต้อหินเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการหรือสัญญาณเตือนจะรู้ตัวว่า
เป็นก็อาจสายเกินแก้ แต่ถ้าได้รับการตรวจตาอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำก็สามารถแก้ไขและป้องกันได้
 
รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงมัญชิมา มะกรวัฒนะ ผู้อำนวยการศูนย์จักษุรักษ์ตา ชั้น 2
ไลฟ์เซ็นเตอร์ (อาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี) กล่าวว่า ต้อหิน เป็นสาเหตุการตาบอดประเภทที่สามารถ
ป้องกันได้อันดับหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกันยังมีประชากรอีกมากที่ไม่มีความรู้
ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคต้อหิน ซึ่งจะส่งผลให้การตาบอดจากโรคต้อหินในอนาคตมีมากขึ้น
จากการวิจัยคาดว่าประชากรต้อหินทั่วโลกจะมีประมาณ 72 ล้านคนทั่วโลก ในอีก 5 ปีข้างหน้า
(ค.ศ. 2020 หรือใน พ.ศ. 2563) ซึ่งในจำนวนนี้จะมีผู้ที่ตาบอดทั้งสองข้างจากต้อหินประมาณ
10 ล้านคนทั่วโลก และกว่าครึ่งเป็นชาวเอเชีย ดังนั้นเราจึงควรประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชน
เกี่ยวกับโรคต้อหิน เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยตาบอดจากโรคต้อหิน ต้อหิน คือ กลุ่มโรคของตาที่ทำให้เกิด
การทำลายของเส้นประสาทตาแบบถาวร สาเหตุส่วนมากมักเกิดจากความดันตาที่สูงกว่าปกติ โดยทั่วไป
ค่าความดันตาควรต่ำกว่า 20 มม.ปรอท (ในประเทศไทยมีการสำรวจพบว่าค่าความดันตาเฉลี่ยต่ำกว่า
ค่าเฉลี่ยซึ่งใกล้เคียงกับประเทศในแถบเอเซีย เช่น ญี่ปุ่น จีน เป็นต้น โดยอยู่ที่ประมาณ 12-14 มม.ปรอท)
หลายคนมีความเข้าใจว่า ต้อหิน คือ การมีหินหรือสิ่งแปลกปลอมอยู่ในลูกตา ในความเป็นจริงแล้ว
 
ต้อหิน คือ การที่ลูกตาเรามีน้ำขังอยู่ในตามากผิดปกติ น้ำในลูกตาเป็นคนละชนิดกับน้ำตาที่หลั่งออกมา
เวลาที่เรามีอารมณ์เศร้าเสียใจ น้ำในลูกตานี้เป็นน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของลูกตา แทนกระแสเลือด
มีการผลิตและการระบายออกในสัดส่วนที่ต้องเหมาะสม หากไม่สมดุลก็จะส่งผลให้น้ำขังอยู่ในลูกตา
เกิดภาวะความดันลูกตาสูง ทำให้ลูกตาที่ปกติควรจะนุ่มเหมือนลูกบอล มีความแข็งตึงเหมือนหิน
เราจึงเรียกกันว่าต้อหิน
 
ประเภทของต้อหิน สามารถแบ่งได้หลายวิธี แต่การแบ่งที่นิยมในปัจจุบัน คือ การแบ่งตาม
ลักษณะของมุมช่องระบายน้ำในตาโดยแบ่งเป็น
 
  1. ต้อหินชนิดมุมเปิด คือ การที่ความดันตาสูงขึ้นโดยไม่มีความผิดปกติของการระบายน้ำ
    แต่อาจเป็นเหตุจากการสร้างน้ำมากผิดปกติ หรือการมีพังผืดหรือเยื่อหุ้มที่เจริญผิดปกติ
    มาคลุมและขัดขวางทางระบายน้ำ ในกรณีเช่นนี้ ผลตรวจจะไม่พบการตีบแคบของทางระบายน้ำ
  2. ต้อหินชนิดมุมปิด คือ เป็นความผิดปกติที่เกิดจากการตีบแคบของทางระบายน้ำในลูกตา
    ซึ่งกรณีเช่นนี้ การรักษาโดยการเปิดทางน้ำจะได้ผลในแง่ของการลดความดันตาได้ดี
    และมีโอกาสรักษาโรคต้อหินในหายขาดได้ หากได้รับการรักษาทันท่วงที ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
  3. ต้อหินในเด็ก พบได้ประมาณ 1 ใน 10,000 เกิดจากความดันตาที่สูงมากผิดปกติในเด็ก
    ซึ่งอาจพบได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น ส่วนมากเป็นความผิดปกติของโครงสร้างลูกตาตั้งแต่กำเนิด
    อาจมีอาการหยีตาบ่อยๆ น้ำตาไหล หรือสู้แสงไม่ได้ พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีสายตาสั้นหรือยาวผิดปกติ
ทุกคนไม่ว่าอายุน้อยหรือมาก แข็งแรงหรือมีโรคประจำตัว มีโอกาสเป็นโรคต้อหินทั้งสิ้นและความเสี่ยง
จะมากขึ้นในผู้ที่มีอายุสูงขึ้น ซึ่งสามารถประเมินความเสี่ยงของโรคต้อหินได้ดังนี้
 
  1. อายุมากกว่า 40 ปี จะมีโอกาสเป็นโรคต้อหินมากขึ้นเมื่ออายุสูงขึ้น
  2. มีโรคประจำตัว ปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ หรือมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง
    เบาหวาน ผู้ป่วยโรคข้อ ผู้ที่ต้องรับยาบางชนิดอย่างต่อเนื่อง เช่น ยาแก้แพ้ ยาสเตียรอยด์
    รวมทั้งผู้ที่มีความผิดปกติทางสายตา เช่น สายตาสั้นมาก หรือสายตายาวมากผิดปกติ
    จะมีความเสี่ยงในการเกิดต้อหินสูงขึ้น
  3. มีความดันตาสูง ปัจจัยเสี่ยงนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงเพียงข้อเดียว ที่สามารถรักษาและควบคุมเพื่อชะลอ
    การทำลายของเส้นประสาทตาได้ จักษุแพทย์เท่านั้นที่จะสามารถบอกได้ว่าความดันตาของคุณสูง
    และกำลังทำลายเส้นประสาทตาของคุณอยู่ เมื่อเส้นประสาทตาถูกทำลายแล้ว จะไม่สามารถรักษา
    ให้กลับมาเป็นปกติได้ การลดความดันลูกตาจะสามารถช่วยชะลอการดำเนินโรคต้อหินได้
  4. มีประวัติโรคต้องหินในครอบครัว เช่นเดียวกับโรคต่างๆ หลายโรค โรคต้องหินมักพบได้บ่อย
    ในหมู่เครือญาติ หากพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคต้อหิน คุณจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหินสูงขึ้น
    แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นโรคต้อหินเสมอไป
  5. มีเชื้อชาติเอเชีย คนเอเชียมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อหินชนิดมุมปิดมากกว่าคนเชื้อชาติอื่น
    เนื่องจากโครงสร้างลูกตาของเรา มีแนวโน้มที่จะมีความแคบของช่องระบายน้ำในลูกตาสูงกว่า
    ประชากรในแถบตะวันตก จากการวิจัยพบว่า ในแถบเอเซียพบโรคต้อหินมุมปิดได้มากกว่ายุโรป
    หรืออเมริกาถึง 9 เท่า
  6. มีเชื้อชาติแอฟริกัน คนแอฟริกันมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อหินชนิดมุมเปิดมากกว่าคนทั่วไป
    3-8 เท่า นอกจากนั้นคนแอฟริกันอายุ 45-65 ปี มีความเสี่ยงที่จะเกิดการตาบอดจากต้อหินมากกว่า
    คนผิวขาวในอายุเดียวกันถึง 15 เท่า
เนื่องจากต้อหินเป็นโรคที่ไม่มีอาการตามัวหรืออาการเจ็บปวดใดๆ ผู้ป่วยจึงไม่สามารถทราบว่า
ตนเองเป็นโรคต้อหิน และไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยที่เหมาะสม ทำให้การรักษาต้อหินเป็นไปได้ยาก
และเป็นสาเหตุการตาบอดอันดับต้นๆ ของประชากรทั่วโลก การวัดสายตาประกอบแว่น การวัดการมองเห็น
ไม่เพียงพอสำหรับการประเมินภาวะต้อหิน ดังนั้นการหมั่นพบจักษุแพทย์เพื่อทำการตรวจสุขภาพตา
การวัดความดันตา และตรวจประเมินความผิดปกติของขั้วประสาทตาโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำ
ซึ่งเป็นเพียงวิธีเดียวในการป้องกันโรคต้อหิน
 
แล้ววันนี้คุณได้ตรวจสุขภาพตาของคุณแล้วหรือยัง?
 
Share 20,320

Relate Article

ปฏิบัติการกำจัดเซลลูไลท์

เซลลูไลท์ศัตรูตัวร้ายของผู้หญิง ทำลายความมั่นใจโชว์เรียวขาสวย ไม่เพียงแค่ต้นแขน ต้นขา

more

เสียงเตือน....จากอาการปวดเข่า

อาการปวดที่เข่า ไม่จำเป็นต้องเป็นเข่าเสื่อมเสมอไป และไม่ได้เกิดกับผู้สูงอายุเท่านั้น ทั้งวัยกลางคน

more

ทำอย่างไรเมื่อนอนไม่หลับ

พฤติกรรมการนอนของคุณเป็นแบบไหน เมื่อหัวถึงหมอนก็นอนหลับสบาย ถ้าแบบนี้ นับว่าคุณเป็นคนโชคดี

more

สุดยอดผักผลไม้ช่วยล้างพิษ

ในชีวิตประจำวันของคุณเสี่ยงกับสารพิษมากน้อยแค่ไหน ควันพิษจากรถยนต์ สารกันบูดในอาหาร

more

10 วิธีง่ายๆ เติมน้ำให้ผิวสวยเด้งสุขภาพดี

น้ำคือชีวิต... เพราะน้ำมีความสำคัญต่อร่างกาย ขาดอาหารอยู่ได้ แต่ขาดน้ำอยู่ไม่ได้ ผิวก็เช่นกัน

more

จัดฟันเป็นสิ่งจำเป็นหรือไม่

คนส่วนใหญ่สมัยนี้นิยมจัดฟัน ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ จนกลายเป็นแฟชั่นว่าการจัดฟันนั้นช่วยทำให้รูปหน้าสวยขึ้น

more
ดวงตาเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญ ทำให้เรามองเห็นและเรียนรู้สิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ ถ้าต้องสูญเสียดวงตา
ไปทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้อีกคงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อย
ให้ความสำคัญกับการดูแลดวงตา ลองถามตัวเองว่าคุณตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เคยตรวจสุขภาพ
ของดวงตาหรือไม่ เมื่ออายุ 40 ปี ขึ้นไป ความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหิน พบได้ประมาณร้อยละ 1
หมายความว่าในทุก 100 คนทีมีอายุ 40 ปีขึ้นไปมีโอกาสที่จะตรวจพบโรคต้อหิน 1 คน ดังนั้นทุกคน
ควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจดูความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหิน ซึ่งโรคต้อหิน เป็นสาเหตุของตาบอด
เป็นอันดับ 2 รองจากต้อกระจก แต่โรคต้อหินเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการหรือสัญญาณเตือนจะรู้ตัวว่า
เป็นก็อาจสายเกินแก้ แต่ถ้าได้รับการตรวจตาอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำก็สามารถแก้ไขและป้องกันได้
 
รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงมัญชิมา มะกรวัฒนะ ผู้อำนวยการศูนย์จักษุรักษ์ตา ชั้น 2
ไลฟ์เซ็นเตอร์ (อาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี) กล่าวว่า ต้อหิน เป็นสาเหตุการตาบอดประเภทที่สามารถ
ป้องกันได้อันดับหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกันยังมีประชากรอีกมากที่ไม่มีความรู้
ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคต้อหิน ซึ่งจะส่งผลให้การตาบอดจากโรคต้อหินในอนาคตมีมากขึ้น
จากการวิจัยคาดว่าประชากรต้อหินทั่วโลกจะมีประมาณ 72 ล้านคนทั่วโลก ในอีก 5 ปีข้างหน้า
(ค.ศ. 2020 หรือใน พ.ศ. 2563) ซึ่งในจำนวนนี้จะมีผู้ที่ตาบอดทั้งสองข้างจากต้อหินประมาณ
10 ล้านคนทั่วโลก และกว่าครึ่งเป็นชาวเอเชีย ดังนั้นเราจึงควรประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชน
เกี่ยวกับโรคต้อหิน เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยตาบอดจากโรคต้อหิน ต้อหิน คือ กลุ่มโรคของตาที่ทำให้เกิด
การทำลายของเส้นประสาทตาแบบถาวร สาเหตุส่วนมากมักเกิดจากความดันตาที่สูงกว่าปกติ โดยทั่วไป
ค่าความดันตาควรต่ำกว่า 20 มม.ปรอท (ในประเทศไทยมีการสำรวจพบว่าค่าความดันตาเฉลี่ยต่ำกว่า
ค่าเฉลี่ยซึ่งใกล้เคียงกับประเทศในแถบเอเซีย เช่น ญี่ปุ่น จีน เป็นต้น โดยอยู่ที่ประมาณ 12-14 มม.ปรอท)
หลายคนมีความเข้าใจว่า ต้อหิน คือ การมีหินหรือสิ่งแปลกปลอมอยู่ในลูกตา ในความเป็นจริงแล้ว
 
ต้อหิน คือ การที่ลูกตาเรามีน้ำขังอยู่ในตามากผิดปกติ น้ำในลูกตาเป็นคนละชนิดกับน้ำตาที่หลั่งออกมา
เวลาที่เรามีอารมณ์เศร้าเสียใจ น้ำในลูกตานี้เป็นน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของลูกตา แทนกระแสเลือด
มีการผลิตและการระบายออกในสัดส่วนที่ต้องเหมาะสม หากไม่สมดุลก็จะส่งผลให้น้ำขังอยู่ในลูกตา
เกิดภาวะความดันลูกตาสูง ทำให้ลูกตาที่ปกติควรจะนุ่มเหมือนลูกบอล มีความแข็งตึงเหมือนหิน
เราจึงเรียกกันว่าต้อหิน
 
ประเภทของต้อหิน สามารถแบ่งได้หลายวิธี แต่การแบ่งที่นิยมในปัจจุบัน คือ การแบ่งตาม
ลักษณะของมุมช่องระบายน้ำในตาโดยแบ่งเป็น
 
  1. ต้อหินชนิดมุมเปิด คือ การที่ความดันตาสูงขึ้นโดยไม่มีความผิดปกติของการระบายน้ำ
    แต่อาจเป็นเหตุจากการสร้างน้ำมากผิดปกติ หรือการมีพังผืดหรือเยื่อหุ้มที่เจริญผิดปกติ
    มาคลุมและขัดขวางทางระบายน้ำ ในกรณีเช่นนี้ ผลตรวจจะไม่พบการตีบแคบของทางระบายน้ำ
  2. ต้อหินชนิดมุมปิด คือ เป็นความผิดปกติที่เกิดจากการตีบแคบของทางระบายน้ำในลูกตา
    ซึ่งกรณีเช่นนี้ การรักษาโดยการเปิดทางน้ำจะได้ผลในแง่ของการลดความดันตาได้ดี
    และมีโอกาสรักษาโรคต้อหินในหายขาดได้ หากได้รับการรักษาทันท่วงที ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
  3. ต้อหินในเด็ก พบได้ประมาณ 1 ใน 10,000 เกิดจากความดันตาที่สูงมากผิดปกติในเด็ก
    ซึ่งอาจพบได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น ส่วนมากเป็นความผิดปกติของโครงสร้างลูกตาตั้งแต่กำเนิด
    อาจมีอาการหยีตาบ่อยๆ น้ำตาไหล หรือสู้แสงไม่ได้ พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีสายตาสั้นหรือยาวผิดปกติ
ทุกคนไม่ว่าอายุน้อยหรือมาก แข็งแรงหรือมีโรคประจำตัว มีโอกาสเป็นโรคต้อหินทั้งสิ้นและความเสี่ยง
จะมากขึ้นในผู้ที่มีอายุสูงขึ้น ซึ่งสามารถประเมินความเสี่ยงของโรคต้อหินได้ดังนี้
 
  1. อายุมากกว่า 40 ปี จะมีโอกาสเป็นโรคต้อหินมากขึ้นเมื่ออายุสูงขึ้น
  2. มีโรคประจำตัว ปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ หรือมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง
    เบาหวาน ผู้ป่วยโรคข้อ ผู้ที่ต้องรับยาบางชนิดอย่างต่อเนื่อง เช่น ยาแก้แพ้ ยาสเตียรอยด์
    รวมทั้งผู้ที่มีความผิดปกติทางสายตา เช่น สายตาสั้นมาก หรือสายตายาวมากผิดปกติ
    จะมีความเสี่ยงในการเกิดต้อหินสูงขึ้น
  3. มีความดันตาสูง ปัจจัยเสี่ยงนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงเพียงข้อเดียว ที่สามารถรักษาและควบคุมเพื่อชะลอ
    การทำลายของเส้นประสาทตาได้ จักษุแพทย์เท่านั้นที่จะสามารถบอกได้ว่าความดันตาของคุณสูง
    และกำลังทำลายเส้นประสาทตาของคุณอยู่ เมื่อเส้นประสาทตาถูกทำลายแล้ว จะไม่สามารถรักษา
    ให้กลับมาเป็นปกติได้ การลดความดันลูกตาจะสามารถช่วยชะลอการดำเนินโรคต้อหินได้
  4. มีประวัติโรคต้องหินในครอบครัว เช่นเดียวกับโรคต่างๆ หลายโรค โรคต้องหินมักพบได้บ่อย
    ในหมู่เครือญาติ หากพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคต้อหิน คุณจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหินสูงขึ้น
    แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นโรคต้อหินเสมอไป
  5. มีเชื้อชาติเอเชีย คนเอเชียมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อหินชนิดมุมปิดมากกว่าคนเชื้อชาติอื่น
    เนื่องจากโครงสร้างลูกตาของเรา มีแนวโน้มที่จะมีความแคบของช่องระบายน้ำในลูกตาสูงกว่า
    ประชากรในแถบตะวันตก จากการวิจัยพบว่า ในแถบเอเซียพบโรคต้อหินมุมปิดได้มากกว่ายุโรป
    หรืออเมริกาถึง 9 เท่า
  6. มีเชื้อชาติแอฟริกัน คนแอฟริกันมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อหินชนิดมุมเปิดมากกว่าคนทั่วไป
    3-8 เท่า นอกจากนั้นคนแอฟริกันอายุ 45-65 ปี มีความเสี่ยงที่จะเกิดการตาบอดจากต้อหินมากกว่า
    คนผิวขาวในอายุเดียวกันถึง 15 เท่า
เนื่องจากต้อหินเป็นโรคที่ไม่มีอาการตามัวหรืออาการเจ็บปวดใดๆ ผู้ป่วยจึงไม่สามารถทราบว่า
ตนเองเป็นโรคต้อหิน และไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยที่เหมาะสม ทำให้การรักษาต้อหินเป็นไปได้ยาก
และเป็นสาเหตุการตาบอดอันดับต้นๆ ของประชากรทั่วโลก การวัดสายตาประกอบแว่น การวัดการมองเห็น
ไม่เพียงพอสำหรับการประเมินภาวะต้อหิน ดังนั้นการหมั่นพบจักษุแพทย์เพื่อทำการตรวจสุขภาพตา
การวัดความดันตา และตรวจประเมินความผิดปกติของขั้วประสาทตาโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำ
ซึ่งเป็นเพียงวิธีเดียวในการป้องกันโรคต้อหิน
 
แล้ววันนี้คุณได้ตรวจสุขภาพตาของคุณแล้วหรือยัง?
 
Share 20,320

Relate Article

ปฏิบัติการกำจัดเซลลูไลท์

เซลลูไลท์ศัตรูตัวร้ายของผู้หญิง ทำลายความมั่นใจโชว์เรียวขาสวย ไม่เพียงแค่ต้นแขน ต้นขา

more

เสียงเตือน....จากอาการปวดเข่า

อาการปวดที่เข่า ไม่จำเป็นต้องเป็นเข่าเสื่อมเสมอไป และไม่ได้เกิดกับผู้สูงอายุเท่านั้น ทั้งวัยกลางคน

more

ทำอย่างไรเมื่อนอนไม่หลับ

พฤติกรรมการนอนของคุณเป็นแบบไหน เมื่อหัวถึงหมอนก็นอนหลับสบาย ถ้าแบบนี้ นับว่าคุณเป็นคนโชคดี

more

สุดยอดผักผลไม้ช่วยล้างพิษ

ในชีวิตประจำวันของคุณเสี่ยงกับสารพิษมากน้อยแค่ไหน ควันพิษจากรถยนต์ สารกันบูดในอาหาร

more

10 วิธีง่ายๆ เติมน้ำให้ผิวสวยเด้งสุขภาพดี

น้ำคือชีวิต... เพราะน้ำมีความสำคัญต่อร่างกาย ขาดอาหารอยู่ได้ แต่ขาดน้ำอยู่ไม่ได้ ผิวก็เช่นกัน

more

จัดฟันเป็นสิ่งจำเป็นหรือไม่

คนส่วนใหญ่สมัยนี้นิยมจัดฟัน ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ จนกลายเป็นแฟชั่นว่าการจัดฟันนั้นช่วยทำให้รูปหน้าสวยขึ้น

more